จุดชมวิวลานหินสีชมพู แหล่งท่องเที่ยวสุดหวานส่งตรงจากจังหวัดจันทบุรี หลังจากถูกเผยภาพในโลกออนไลน์ จนประชาชนให้ความสนใจและเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างคึกคัก
สำหรับ "จุดชมวิวลานหินสีชมพู" แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่ภายในบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบน อำเภอท่าใหม่ โดยในช่วงเวลาน้ำลงตอนกลางวัน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน จะเผยโฉมหินสีชมพูอมม่วง-สีน้ำตาลแดง ออกมาให้ได้ยลความสวยงามโดดเด่น ซึ่งปัจจุบันศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เปิดพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด เพื่อให้ประชาชนเข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาเส้นทางเดินธรรมชาติได้ทุกวัน
นอกจากความสวยงามโดดเด่นของลานหินสีชมพูแล้ว เมื่อยืนที่ลานหินสีชมพูแล้วมองไปทางทิศตะวันออกนักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นเกาะช่องสะบ้า, เขาแหลมสิงห์, เกาะเปริด, เกาะนมสาว และเกาะช้าง จังหวัดตราด และทิศตะวันตกสามารถมองเห็นเกาะมันใน, เกาะมันกลาง, เกาะมันนอก, เขายายดา และเกาะเสม็ด ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ส่วนช่วงเวลาสามารถเดินทางมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี (ในช่วงเวลาน้ำขึ้นอาจจะเปียกหน่อย) และจะสวยงามในช่วงแสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วลานหินทำให้เกิดสีชมพูที่โดดเด่นขึ้นมา อีกทั้งยังมีช่วงเวลาแนะนำอื่น ๆ สำหรับใครที่มาชมความสวยงามของลานหินสีชมพูแห่งนี้ คือช่วงเช้าพระอาทิตย์ขึ้นถึง 9 โมงเช้า ช่วง 4 โมงเย็นถึงพระอาทิตย์ตกดิน และช่วงฟ้าเปิดหลังจากที่ฝนตกใหม่ ๆ
นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจคนรักกิจกรรมผจญภัย ให้เดินทางเข้าไปทัศนศึกษาเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเขาบ่อเตย ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1,000 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เรียกได้ว่าถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดจันทบุรี ที่ได้รับความสนใจและเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว
เรื่องน่ารู้...หินสีชมพูคืออะไร ?
หินสีชมพูคือหินทรายอาร์โคส (Arkosic Sandstone) หินโคลน หินทรายแป้ง สีน้ำตาลแดง การวางชั้นเฉียงกับแนวระดับ หินกรวดมน และหินทรายในตอนบนของการลำดับชั้นหิน มีซากหอยสองฝาของน้ำจืดและน้ำกร่อยบริเวณตอนล่างของการเรียงลำดับตามชั้นหิน (ข้อมูลหิน JKL จาก dmr.go.th ) จากตะกอนชายฝั่งทะเล ตะกอนเศษหินจากเชิงเขา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากน้ำขึ้น-ลง รวมทั้งอาจพบตามบริเวณที่ราบลุ่ม น้ำขึ้นถึง ที่ลุ่มชื้นแฉะ ที่ลุ่มน้ำขังป่าชายเลน และชะวากทะเล
ส่วนในพื้นที่ "เขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบน" จะพบในบริเวณเกาะช่องเขาสะบ้า, เขาเจ้าหลาว-หมูดุด, เขาคุ้งกระเบน, เขามาบคล้อ และเขาเตาหม้อ-ท่าศาลาเท่านั้น ส่วนหินทรายที่พบจะมีส่วนผสมของธาตุเหล็กมากจึงมีสีแดงอมชมพู สีน้ำตาลแดง และบางแห่งสีแดงอมม่วง
ทำความรู้จักเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี
"เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน" ตามประกาศกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปี พ.ศ. 2542 เป็นพื้นที่ที่อยู่ในการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ในการดูแลทั้งป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าชายหาด และป่าชายเลน รวมประมาณ 11,370 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองขุด, ตำบลรำพัน, อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และตำบลสนามไชย, อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี
โดย "เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน" มีหน้าที่ศึกษาค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดจันทบุรี เป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยที่ทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลนและรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใช้เวลาเพียง 30-45 นาที บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1,600 เมตร มีจุดสื่อความหมายธรรมชาติอยู่ตามบริเวณจุดต่าง ๆ เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติ ตลอดจนแหล่งสมุนไพรสำหรับชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ
ทั้งนี้ "เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน" เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. อัตราค่าบริการผู้ใหญ่ราคา 20 บาท/คน เด็กและผู้สูงอายุเข้าฟรี และสำหรับการเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้าที่ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เลขที่ 31 หมู่ 4 ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ทางศูนย์ยังมีบริการบ้านพักสำหรับจัดอบรมสัมมนาบริการหน่วยงานรัฐโดยติดต่อล่วงหน้า โทรศัพท์ 0 3936 9216-8
นอกจากนี้หากต้องการสอบถามข้อมูลหินสีชมพู สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณวิชัย เผ่าหอม เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน โทรศัพท์ 08 7833 7568 และ เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
แอบทิ้งท้ายข้อสำคัญในการเดินทางไปเที่ยวลานหินสีชมพู เนื่องจากเส้นทางที่เป็นโขดหินสลับกับทางลาดรองเท้าผ้าใบจึงเหมาะสำหรับการสวมใส่มาเที่ยวที่นี่มากกว่า รวมทั้งควรช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งเศษขยะหรือเศษอาหารภายในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยว เพราะถือเป็นการทำลายระบบนิเวศและทัศนียภาพความสวยงาม พร้อมทั้งไม่ควรละเลยข้อห้าม ข้อปฏิบัติที่ทางเจ้าหน้าที่กำหนดด้วยเช่นกัน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณวิชัย เผ่าหอม เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน, เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ